นึกอะไรไม่ออกก็ส้มตำ

avatar

172958248_454398412437046_6358321819592299698_n.jpg

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ

เราเริ่มรู้สึกว่าพออายุเยอะแล้วก็รู้สึกเบื่อๆ อาหาร ตื่นเช้ามาก็ต้องมาคิดเมนูว่าจะกินอะไรดี เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับเราเลยทีเดียว ตอนเป็นเด็กมีความรู้สึกว่ากินอะไรก็อร่อยไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแค่ไข่ดาวฟองเดียว ปลาทูทอด หรือกินข้าวคลุกน้ำปลา เมื่อก่อนตอนที่เป็นเด็กเราเลยไม่เข้าใจพ่อกับแม่ที่บ่นเบื่ออาหาร เพราะสำหรับเรามันอร่อยทุกอย่าง กินได้ไม่มีเบื่อ ตอนนี้เราเข้าใจความรู้สึกนั้นแล้วว่าเป็นยังไง อาจจะเพราะแก่ตัวลงทำให้ต่อมรับรสเสื่อม เดี๋ยวนี้แค่เห็นอาหารบางทีก็เบื่อแล้ว

170623651_1008290639701831_5777578725633280214_n.jpg

แต่ก็ยังพอมีอาหารบางอย่างที่กินได้ไม่มีเบื่อ นั่นก็คือส้มตำ หากพูดถึงอาหารไทยที่มีรสชาติจัดจ้านถึงใจ นอกจากจะนึกถึงต้มยำแล้ว เชื่อว่าส้มตำก็เป็นชื่อที่คนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน ส้มตำเป็นเมนูอาหารที่หลายคนโปรดปราน ปัจจุบันแม่ค้าส้มตำก็พยายามนำเสนอจุดขายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำป่า ตำมั่ว ตำซั่ว ตำทะเล ตำถาด และอีกหลายๆ ตำ แล้วแต่ว่าใครจะครีเอทออกมาได้โดนใจลูกค้ามากที่สุด โดยเฉพาะทางภาคอีสานที่กินได้ทุกวัน ซึ่งจัดว่าเป็นเมนูอาหารประจำภาคอีสานของเราเลยก็ว่าได้ รสชาติของส้มตำนั้นมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ คือความแซ่บ ความนัว เผ็ดร้อน จนบางครั้งอาจถึงขั้นน้ำตาไหลกันเลยก็ได้ และนั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนติดใจส้มตำกันมาแล้ว นอกจากนี้ส้มตำยังเป็นเมนูที่เหมาะกับคนลดน้ำหนักอีกด้วย ส้มตำจึงเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน แถมยังมีประโยชน์มากมาย แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าประวัติส้มตำ อาหารรสแซ่บจัดจ้านนั้นมีที่มาอย่างไร แล้วทำไมถึงเรียกส้มตำ ทั้งที่วัตถุดิบไม่มีส้มเลยแม้แต่น้อย ใครจะรู้บ้างว่า ส้มตำ หรือตำบักหุ่งที่ทั้งแซ่บทั้งนัวนั้นเป็นของนอก

173954092_493447698685780_8463969290353727009_n.jpg

ที่มาของชื่อส้ำตำ นั้นเกิดมาจากคำสองคำที่นำมาผสมกันได้แก่คำว่า ส้ม ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของภาคอีสานที่มีความหมายว่า รสชาติเปรี้ยว และคำว่า ตำ นั้นก็คือการใช้อุปกณ์เครื่องครัวชนิดหนึ่ง คือสาก โดยเราจะใช้สากโขลกลงไปเพื่อให้วัตถุดิบทั้งหมดเข้ากัน และเมื่อนำทั้งสองคำนี้มารวมกัน ก็จะหมายความว่าอาหารรสเปรี้ยว ที่เกิดจากการโขลกหรือตำนั่นเอง



0
0
0.000
1 comments